บจ. mai โชว์กำไรสุทธิ ครึ่งแรกปี 2563 รวม 1,086 ลบ. 


บจ. mai รายงานผลการดำเนินงานในครึ่งแรกปี 2563 มียอดขายรวม 82,540 ลบ. กำไรสุทธิรวม 1,086 ลบ. พบ 3 กลุ่มอุตสาหกรรมที่มีกำไรเพิ่มขึ้น ได้แก่ กลุ่มเกษตรและอุตสาหกรรมอาหาร กลุ่มสินค้าอุตสาหกรรม และกลุ่มเทคโนโลยี

นายประพันธ์ เจริญประวัติ ผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) เปิดเผยว่า บริษัทจดทะเบียนใน mai จำนวน 162 บริษัท คิดเป็น 95% จากทั้งหมด 171 บริษัท (ไม่รวมบริษัทในกลุ่มที่เข้าข่ายอาจถูกเพิกถอน หรือ NC บริษัทที่ปิดงบไม่ตรงงวดและบริษัทที่นำส่งงบไม่ทันตามกำหนด) นำส่งผลการดำเนินงานรอบ 6 เดือนแรก ของปี 2563 สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2563 พบ บจ. ที่รายงานผลกำไรสุทธิจำนวน 99 บริษัท คิดเป็น 61% ของบริษัทที่นำส่งผลการดำเนินงานทั้งหมด

ผลประกอบการ บจ. mai ครึ่งปีแรก มียอดขายรวม 82,540 ล้านบาท ลดลง 7.9% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ต้นทุนรวม 64,705 ล้านบาท ลดลง 8.2% มีกำไรจากการดำเนินงาน (Operating Profit) 3,068 ล้านบาท ลดลง 8.3% ทั้งนี้พบบาง บจ.มีการบันทึกผลขาดทุนจากรายการพิเศษระดับกว่าพันล้านบาท ทำให้กำไรสุทธิรวมอยู่ที่ 1,086 ล้านบาท ลดลง 73.0% สำหรับความสามารถในการทำกำไร บจ.มีอัตรากำไรขั้นต้นทรงตัวอยู่ที่ 21.6% อัตรากำไรจากการดำเนินงานทรงตัวอยู่ที่ 3.7% และอัตรากำไรสุทธิลดลงจาก 4.3% เป็น 1.3% สอดคล้องกับการลดลงของกำไรสุทธิ 

ภาพรวมผลการดำเนินงานครึ่งปีแรก บจ. ส่วนใหญ่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรค COVID-19 จากการปิดชั่วคราวของช่องทางการจัดจำหน่าย การชะลอคำสั่งซื้อ การเลื่อนกิจกรรมตามนโยบายควบคุมการแพร่ระบาด ส่งผลให้ยอดขายรวมในครึ่งปีแรกลดลง อย่างไรก็ตามกลุ่มบจ.สามารถควบคุมต้นทุนและค่าใช้จ่ายได้ดีขึ้น ทำให้ยังคงรักษาอัตราความสามารถในการทำกำไรไว้ได้ และพบ 3 กลุ่มอุตสาหกรรมที่ยังคงรักษาการเติบโตของกำไรสุทธิ คือ กลุ่มเกษตรและอุตสาหกรรมอาหาร กลุ่มสินค้าอุตสาหกรรม และกลุ่มเทคโนโลยี

สำหรับผลการดำเนินงานไตรมาส 2/2563 บจ. mai มียอดขายรวม 38,413 ล้านบาท ลดลง 14.2% กำไรจากการดำเนินงาน (Operating Profit) 1,396 ล้านบาท เพิ่มขึ้น12.2% ขณะที่กำไรสุทธิรวมอยู่ที่ 338 ลบ. ลดลง 84.9% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ในส่วนของฐานะทางการเงิน บจ. mai มีสินทรัพย์รวม 285,791 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.5% จากสิ้นปี 2562 ขณะที่โครงสร้างเงินทุนรวมยังอยู่ในเกณฑ์ที่แข็งแรงโดยมีอัตราส่วนหนี้สินต่อทุนอยู่ที่ 1.11 เท่า เพิ่มขึ้นจาก 1.02 เท่านายประพันธ์กล่าว

ปัจจุบันมี บจ. ใน mai 171 บริษัท (ข้อมูล วันที่ 20 สิงหาคม 2563) ดัชนี mai ปิดที่ระดับ 300.60 จุด มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดรวม (market capitalization) อยู่ที่ 218,211 ล้านบาท มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ย 994 ล้านบาทต่อวัน